เปลี่ยนความคิด พิชิตเบาหวาน

(โดย กฤติกา หินทอง)
update : 3/11/2020

คุณอาจเคยตั้งเป้าว่าจะลดน้ำตาลในเลือดให้ได้ คุณลองทำทุกอย่าง กินข้าวน้อยๆ งดขนม งดผลไม้ทุกชนิด หักดิบกับของโปรด ออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง แต่ทำได้ไม่นาน ก็เลิก กินยาเป็นกำ น้ำตาลก็ไม่ลด  จริงๆแล้วการคุมน้ำตาลในเลือด นอกจากจะต้องปรับพฤติกรรมการกินแล้วยังต้องปรับใจ เพื่อให้คุณมองเห็นความเป็นไปได้ ที่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เราจะชวนคุณเริ่มจากอะไรที่ทำได้ง่ายๆ ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆเก็บความสำเร็จเล็กๆไปทีละขั้น จะช่วยให้คุณลดน้ำตาลได้อย่างยั่งยืนมากกว่าการเข้มงวดกับตัวเองจนอึดอัด แล้วก็ต้องล้มเลิกไปในที่สุด พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลยค่ะ

1. หาเหตุผลหลักในการคุมอาหารเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ก่อน

ตอบตัวเองให้ได้ว่าทำไมต้องลดน้ำตาล ทำไมต้องคุมเบาหวาน หาเหตุผลที่แข็งแกร่งพอที่จะบอกตัวเองว่า เราทำไปทำไม เช่น เพื่อคนในครอบครัว คุณมีลูกวัยกำลังน่ารัก และคุณอยากอยู่กับเค้าไปนานๆ หรือคุณอยากมีอิสระ อยากไปทำอะไรๆได้อย่างที่ใจต้องการ ก็ต้องเริ่มจากการที่คุณต้องมีร่างกายที่แข็งแรงก่อน การหา why ที่ลึกขึ้นด้วยการถามตัวเองว่า คุณทำไปทำไม จะทำให้เป้าหมายหรือปลายทางคุณชัดขึ้น เมื่อคิดออกแล้วลองเขียนใส่กระดาษซัก 3 ข้อ หรือบอกคนข้างๆคนในครอบครัวที่พร้อมสนับสนุนให้รับรู้ด้วยว่าคุณทำสิ่งนี้ไปทำไม เพราะนอกจากตัวคุณเองแล้ว กำลังใจจากคนใกล้ตัวก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ

2. ทัศนคติที่คุณมีต่อตัวเอง

การที่คุณเคยตั้งใจว่าจะลดน้ำตาล จะมีวินัยในการกิน แต่พอทำแล้วเลิกกลางคันบ่อยๆ มันจะเริ่มส่งผลกระทบที่ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณทำไม่ได้หรอกและคุณหาข้ออ้างเข้าข้างตัวเอง เช่นงานก็ยุ่ง เหนื่อยก็เหนื่อย เรื่องอาหารช่างมันเถอะ เรามันคนไม่มีวินัยเองแหละ จริงๆ คุณอาจจะไม่ได้พูดประโยคเหล่านี้ออกมา แต่ลึกๆ เหตุผลที่เลิกทำ เพราะเราคิดว่ามันยุ่งยาก มันเหนื่อย มันใช้เวลา เราก็เลยทำมันไม่ได้ซักที เลิกล้มทุกครั้ง แต่!!! ถ้าคุณเริ่มจากการเชื่อว่าตัวเราพัฒนาได้ ปรับการกินได้ เราลดน้ำตาลได้ เลิกสะกดจิตตัวเองว่าทำไม่ได้และไม่มีวินัย หรือฉันเป็นคนกินตามใจปาก ถ้าคุณรู้ตัวและอยากหยุดความคิดลบๆนั้น ข้อให้คุณกลับไปคิดถึงเหตุผลในข้อแรก และเริ่มเชื่อตัวเองว่าจะทำให้ได้ และหาความเป็นไปได้ที่จะทำ

3. ทำฝันเล็กๆให้สำเร็จ

ฝันใหญ่ไว้ก่อนอาจจะดีกับบางเรื่อง แต่ในเชิงของร่างกาย มันไปตั้งเป้าเว่อๆไม่ได้ เพราะการตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับร่างกายมันถูกกำหนดด้วยกฎทางกายภาพ ด้วยกล้ามเนื้อ ด้วยเงื่อนไขของร่างกายของแต่ละคนที่ต่างกันมาก ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะต่างกัน มันก๊อปปี้เพสกันไม่ได้ คนอื่นบอกกินอันนี้แล้วน้ำตาลลด แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะได้ผลกับคุณ หรือบางคนทำอะไรสุดโต่ง อดอาหารโดยไม่คำนึงถึงสารอาหารหรือพลังงานที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ออกกำลังกายหนักๆ เพื่อให้น้ำตาลลดเยอะๆในเวลาอันรวดเร็ว แล้วคุณไปทำตามมั่ง พยายามแทบตาย แต่ด้วยวิธีการที่มันไม่ยั่งยืน และไม่เหมาะกับร่างกายของคุณ มันก็เหมือนทำร้ายร่างกายทางอ้อม ทำแล้วก็ไม่ได้ผล เพราะฉะนั้น หยุดคาดหวังแบบผิดๆ แต่ขอให้เริ่มจากฝันเล็กๆ ตั้งเป้าหมายเล็กๆที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของคุณ แล้วคุณสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องก็จะดีกว่าค่ะ

4. ตั้งเป้าหมายอย่างฉลาดด้วย Smart Goal

Smart Goal เป็นการตั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม มีการวางแผนอย่างรอบคอบ เรามาดูไปทีละตัวกันค่ะ

• S – Specific มีความเฉพาะเจาะจง เช่น คุณจะลดการกินน้ำอัดลมให้ได้
• M – Measurable สิ่งนั้นต้องวัดผลได้ เช่น ลดได้กี่ขวดต่อวัน
  
• A – Achievable สิ่งนั้นต้องทำได้จริง ไม่ได้ยากจนคุณอึดอัดหรือท้อไปซะก่อน ที่สำคัญต้องคำนึงถึงความเป็นจริงว่าร่างกายของคุณจะลดน้ำตาลได้เท่าไหร่ ภายในระยะเวลาเท่าไหร่ ด้วยวิธีไหน เช่น คุณจะเริ่มลดน้ำตาลด้วยการลดกินน้ำอัดลม จากเดิมที่เคยกินวันละ2ขวด ให้เหลือวันละ 1 ขวดภายในอาทิตย์นี้ อาทิตย์ถัดไปเป็นวันเว้นวัน จนเลิกกินน้ำอัดลมได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
  
• R – Relevant สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ มีความเกี่ยวข้องที่ดีกับตัวเรา เช่นการลดน้ำตาลในเลือดได้นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ที่คุณอยากมีสุขภาพที่ดีเพื่อคนในครอบครัวของคุณ
  
• T – Time-Limited สิ่งนั้นต้องมีกรอบระยะเวลาระบุชัดแน่นอน เช่น คุณจะเลิกกินน้ำอัดลมให้ได้ภายใน  1 เดือน

เบาหวานไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ หากเรารู้ต้นเหตุของมันและแก้ปัญหาให้ถูกจุด เข้าใจเรื่องสารอาหาร ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รับฟังเสียงของร่างกายตัวเอง และเลือกใช้วิธีลดน้ำตาลในเลือดที่เหมาะกับตัวคุณเอง เท่านี้เส้นทางการพิชิตเบาหวานของคุณก็อยู่ไม่ไกลแล้วค่ะ