ทำไมร่างกายต้องการ พรีไบโอติกส์ ?

(เรียบเรียงโดย ญานิศา บุญสากุลธงไชย | ตรวจโดย วัชรี ดิษยบุตร BSc.Biochemistry, MSc.Nutrition)
update : 08/10/2021

Why Prebiotics

ถ้าถามว่าอะไรจะช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น “ไฟเบอร์” มักเป็นสิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงใช่ไหมคะ เราจึงได้ยินบ่อยๆว่าให้กินพวกผักและผลไม้ เพราะให้ไฟเบอร์สูงช่วยให้ขับถ่าย และยังช่วยคุมน้ำหนักอีกด้วย

แล้วทำไมบางคนกินผักผลไม้เยอะ  ยังท้องผูก ?

อาจเพราะว่าร่างกายได้รับ “พรีไบโอติกส์” ไม่เพียงพอ

พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ทำงานแตกต่างจากไฟเบอร์พวกกากใย  โดยพรีไบโอติกส์เป็นอาหารเฉพาะของจุลินทรีย์สุขภาพ เมื่อย่อยแล้วจะให้สารที่เป็นพลังงานแก่เซลล์ลำไส้ ปรับสภาพแวดล้อมในลำไส้ให้สมดุล รวมทั้งทำให้จุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้เติบโต ทำให้ลำไส้ของเราแข็งแรงทั้งระบบ

การท้องผูกบ่อย หรือ อายุที่มากขึ้น ทำให้เซลล์ลำไส้อ่อนแอ “เมื่อลำไส้เสียสมดุล แม้กินผักผลไม้เยอะ ก็แก้ปัญหาท้องผูกไม่ได้” เราจึงจำเป็น ต้องกินพรีไบโอติกส์ด้วย เพื่อฟื้นสมดุลลำไส้ด้วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น

นอกจากช่วยแก้ท้องผูก พรีไบโอติกส์ยังมีประโยชน์อื่นอีกหลายด้าน

  • เสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิคุ้มกันทางเดินอาหารและร่างกาย
  • มีส่วนช่วยในระบบการควบคุมการอักเสบ ลดอาการอักเสบในลำไส้
  • ลดโอกาสท้องเสียจากการติดเชื้อในลำไส้ โดยยับยั้งการเกาะตัว และการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ก่อโรค
  • ลดอาการท้องเสียจากการกินยาปฏิชีวนะ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก
  • ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ช่วยให้รู้สึกอิ่ม ดีต่อผู้กำลังคุมหรือลดน้ำหนัก

หลายงานวิจัยพบว่า กินพรีไบโอติกส์ 3– 10 กรัม ต่อวัน ช่วยเสริมสุขภาพ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยระบาย

โดยทั่วไป ในแต่ละวันเรากินพรีไบโอติกส์ได้น้อยมาก เพราะ พรีไบโอติกส์เป็นไฟเบอร์ที่พบน้อยมาก โชคดีที่เดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์อาหารหลายชนิด เสริมพรีไบโอติกส์ เข้าไปด้วย ทำให้กินพรีไบโอติกส์ได้ง่ายขึ้น

Prebiotics content

แม้พรีไบโอติกส์จะมีประโยชน์มากมาย แต่การแก้ปัญหาท้องผูกเรื้อรัง ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของไฟเบอร์หลายชนิด จึงไม่ควรเลือกกินเฉพาะพรีไบโอติกส์ เรายังต้องกินผักและผลไม้ด้วย จึงจะช่วยเรื่องท้องผูกได้อย่างมีประสิทธิภาพนะคะ

เพิ่มเพื่อน

หมวดหมู่

บทความน่าสนใจ

Tags