OMEGA 3,6,9 สำคัญต่อสุขภาพอย่างไร

กรดไขมันโอเก้า3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดจำเป็นต่อร่างกาย เพราะร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องกินเข้าไป กรดไขมันโอเมก้า3 มีหลายชนิด เช่น กรดไขมันไลโนเลนิก และ ดีเอชเอ เป็นต้น

1. ด้านการเรียนรู้และความจำ เพราะเป็นส่วนประกอบหลักของสมองและดวงตา

2. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ โดยมีคุณสมบัติลดไขมันชนิดไม่ดี เช่นไตรกลีเซอไรด์

3. ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี มีคุณสมบัติลดการแข็งตัวของเลือด

4. ลดการอักเสบภายในร่างกาย ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคหลอดเลือดหัวใจ และ อาการภูมิแพ้ต่างๆ

ได้แก่ ปลาทะเลน้ำลึก เช่นแซลมอน ปลาทูน่า และยังพบได้ในปลาน้ำจืด เช่น ปลาดุก ปลาช่อน

ในพืชพบได้ใน เช่น งาม้อน และ น้ำมันคาโนล่า เป็นต้น

กรดไขมันโอเมก้า6 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวชนิดจำเป็นต่อร่างกายอีกชนิด ร่างกายสร้างเองไม่ได้ ต้องกินเข้าไป กรดไขมันโอเมก้า6 ชนิดที่พบมากในอาหาร ได้แก่ กรดไขมันไลโนเลอิก

1. การเรียนรู้ เพราะเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างเส้นประสาท การสื่อประสาท

2. ปกป้องร่างกาย คงความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง โดยเป็นส่วนประกอบโครงสร้างผิวหนัง

3. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ควบคุมระดับไขมันในเลือด **แต่หากกินมากเกินไป ก็จะกลับทำให้ไขมันในเลือดสูงขึ้นได้

4. รักษาสมดุลการไหลเวียนของเลือด และ กระบวนการอักเสบ โดยโอเมก้า6 มีคุณสมบัติช่วยให้เลือดแข็งตัว และ สร้างสารก่อการอักเสบ

ได้แก่ ไข่แดง ถั่วเมล็ด และ น้ำมันที่ได้จากถั่วเมล็ดนั้น เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน น้ำมันรำข้าว เป็นต้น

ปัจจุบันอาหารที่เรากินทำให้เราได้รับกรดไขมันโอเมก้า 6 มากจนเกินสมดุล ทำให้เป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ หลอดเลือดตีบแตก เป็นภูมิแพ้ง่ายขึ้น

เพื่อสุขภาพที่ดี เราจึงควรใส่ใจสัดส่วนของ กรดไขมันโอเมก้า6และโอเมก้า3 สัดส่วนที่เหมาะสมคือ 4ต่อ1 ถึง 1ต่อ1 ซึ่งเราทำได้โดยการที่กินอาหารที่เป็นแหล่งของไขมันโอเมก้า3 ให้มากขึ้น หรือ เลือกอาหารที่มีสมดุลโอเมก้า6ต่อ3ที่สมดุล

กรดไขมันโอเมก้า9 หรือ เรียกอีกอย่างว่า กรดไขมัน MUFA ชนิดที่รู้จักกันดี คือ กรดไขมันโอเลอิก ที่พบมากในน้ำมันมะกอก เป็นกรดไขมันมีคุณสมบัติโดดเด่นด้านการดูแลสุขภาพหลอดเลือดหัวใจและสมอง ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และ สมองตีบแตก